FOR HAPPY MOM AND COOL KIDS
cloud-floating

โตเกียวนั้นเป็นเมืองที่ไปเมื่อไรก็ไม่มีเบื่อ ไปคนเดียว ไปกับแฟน ไปกับลูก ไปกับครอบครัว
คือไปกับใครก็ได้ เพราะเราก็จะมีโตเกียวในแบบฉบับของเรา มื้อเช้าประมาณนี้ เข้าร้านเล็กร้านน้อย ย่านนั้นนิด ย่านนี้หน่อย แม้จะเป็นทริปครอบครัว คุณแม่ก็ห้ามลืมเติมความกุ๊กกิ๊กให้กับตัวเอง ด้วยร้านเหล่านี้ค่ะ

Beard


ร้านอาหารขนาดเล็ก ที่อยู่ในซอกในหลืบเงียบๆ ของย่าน Meguro คุณเชฟ Shin Harakawa หน้าหล่อ ลุค ดี สกินเฮด คือโลโก้ของร้าน ภายในร้านที่มีไม่กี่โต๊ะ กับเคาเตอร์หน้าครัว ที่ถ้าได้นั่งก็มโนว่าเป็นเกิร์ลเฟรนด์กำลังรอคุณชินทำอาหารที่หลังเคาเตอร์มาเสิร์ฟ (แต่หันมาอีกทีคือลูกสาวที่กำลังดึงเสื้อให้เล่านิทานให้ฟังขณะบลันซ์กันอยู่ เรียกว่ากระตุกต่อมมโนได้ชะงักนัก)

คุณชินนั้นมีประสบการณ์ในครัวระดับ 2 ดาวมิชิลินพกติดตัวมาจากฝรั่งเศส ก่อนจะกลับมาเป็นเชฟในภัตตาคารอีกหลายแห่งที่โตเกียว ก่อนจะออกมาเพื่อเป็นร้านนี้ ร้านเล็กๆ ที่ให้บรรยากาศเป็นกันเองกับเพื่อนๆ หรือจะมาคนเดียวก็ไม่ขัดเขินไปนัก (นอกซะจากว่าจะเกิดการมโนอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ก็จะออกอาการเขินได้อยู่บ้าง คิคิ) อาหารฝีมือคุณชินนั้นดูเหมือนทำง่าย แต่ประณีตค่ะ ใส่ใจในการเลือกวัตถุดิบ คัดสรรส่วนประกอบที่เป็นธรรมชาติ อาหารมีให้เลือกตามเมนูและเมนูพิเศษที่จะเขียนบอกไว้ค่ะ เน้นหนักท้องหน่อยก็ต้องแฮมเบอร์เกอร์นี่แหละ โดยเมนูจะเบสไปทางอาหารฝรั่งเศสหน่อยๆ

ความดังของร้าน Beard การันตีจากการได้รับเลือกเป็นหนึ่งในร้านอาหาร The World Best Restaurants in 2015 จากนิตยสาร Monocle และนิตยสาร Kinfolk ก็เคยเขียนถึง เป็นหนึ่งในร้านที่เราอยากจะนั่งบลันซ์ยาวๆ แต่พออิ่มจากเมนูชุดแรกแล้วก็อดเกรงใจคิวที่กำลังยืนต่อกันหน้าร้านไม่ได้ จนต้องสละตำแหน่งหน้าเคาเตอร์ให้กับหนุ่มสาวที่ยืนรอกันอยู่หน้าร้านนั่นไปซะ

Address: 1-17-22 Meguro, Meguro-ku, Tokyo
Hours: Tuesday-Saturday 5:30 p.m. -10:30 p.m. (L.O.).
Sunday Brunch 10 am to 1:30 pm (L.O). Closed Monday.
Closest Station: Meguro

Shibuya Hikarie

เป็นหนึ่งในห้างที่เราชอบมากในโตเกียวค่ะ เพราะมันครบครันสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ อีกทั้งอยู่ใจกลางเมือง ถิ่นชิบูย่านี่เอง ยิ่งทริปไหนมีเวลาไม่มาก ยิ่งอยากแนะนำให้มา เพราะคุณแม่จะสอยทุกอย่างที่ต้องการได้ครบในห้างเดียวค่ะ

ที่ Shibuya Hikarie จะมีห้าง“ShinQs” ในเครือ Tokyu กินพื้นที่ตั้งแต่ชั้นใต้ดิน B3 ไปจนถึง ชั้น 5 แต่ละชั้นมีคอนเซ็ปต์ที่ต่างกันไป ในโซนด้านล่าง B3-B2 จะเป็นแหล่งรวมอาหารและของกิน ถัดขึ้นมาแต่ละชั้นก็จะจับสไตล์ผู้หญิงในแต่ละวาระโอกาส เช่นชั้นแห่งความสวยงาม ชั้นแห่งของซีเล็ก ที่เลือกเอาสินค้ามาหมุนเวียนจัดในแต่ละธีม อย่างบางทีก็มีสินค้าจากศิลปินชื่อดังมากมายมารวมไว้ หรือบางธีมก็เป็นเรื่องแมว ก็จะมีข้าวของที่ผู้หญิงชอบหลากหลายมากันในธีมแมว กระเป๋า รองเท้า เรื่อยไปจนของเด็ก ของแต่งบ้าน

ชั้นบนขึ้นไปก็มีสินค้าแฟชั่นที่จับกลุ่มสาวทำงาน และชั้นแห่งของแต่งบ้านไลฟ์สไตล์ สาวกจานชามเซรามิกต้องมีกรี๊ด เพราะเขาเลือกสรรแบรนด์มาขายได้ครบถ้วนจริงๆ ทั้งจากฝั่งสแกนฯ ญี่ปุ่น หรืออเมริกาก็มากันหมดค่ะ
หรือจะเจ้าแม่เครื่องเขียน นักเดินทาง มีครบทุกร้านไม่ขาดตกบกพร่อง

เหล่าร้านค้าก็มีมาเปิดมุมในห้างน้ีด้วยเช่นกัน อย่าง CLASKA Gallery & Shop “DO” ร้านสินค้าดีไซน์ไลฟ์สไตล์จากโรงแรม Claska ณ Meguro

ถ้าเดินกันจนเหนื่อยเมื่อยหิวแล้วให้ขึ้นไปที่ชั้น 6, 7 ร้านอาหารมากมายรอให้เราเลือกอยู่ค่ะ มีครบทุกสไตล์ คนมากน้อยแล้วแต่เวลา
ส่วนชั้น 8 เป็นพื้นที่ Creative Space จัดแสดงงานศิลปะวัฒนธรรม และมีพื้นที่บางส่วนที่บริหารงานและคอนเซ็ปต์โดย D&Department ผู้ที่จริงจังมาตลอดในเรื่องงานออกแบบ ทั้งในเรื่องการกินอยู่ วัฒนธรรม และที่มาที่ไปในสินค้าแต่ละอย่าง ซึ่งเป็นของดีในหลายๆ ภูมิภาคทั่วญี่ปุ่น ที่บุกเบิกโดยคุณ Nagaoka Kenmei

ในพื้นที่ชั้น8 นี้ เราไม่เคยพลาดสักครั้งที่มา Shibuya Hikarie เลย เพราะนอกจากจะชอบมาพักกายและฝากท้องมื้อกลางวันบ้างมื้อขนมบ้าง ที่ d47 Shokodo เขาจะคัดสรรวัตถุดิบที่ดีในแต่ละจังหวัดมาปรุงให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้รสชาติของอาหารที่แท้จริงมากที่สุด เมนูโปรดของเราคือ Custard Pudding topped with Egg yolk cream ที่เมนูบรรยายขนมนี้ไว้ว่า
“the egg of this pudding is from ‘sei-aguri healthy egg’ which was born from healthy parent bird”  ซึ่งอีกเหตุผลที่เราชอบที่นี่ คือความใส่ใจในการเขียนบรรยายแต่ละเมนูถึงที่มาที่ไป ยิ่งทำให้เมนูนั้นๆ เพิ่มความน่าชวนชิมเข้าไปเพิ่มอีกค่ะ
นอกจากนั้น ก็ยังมีขายวัตถุดิบ กับถ้วยชามเซรามิกที่คัดสรรมาจากหลากหลายแหล่งที่ด้านหน้าร้าน ถัดเข้าไปในชั้นนี้ก็ยังมี d47 design and travel store ที่เลือกสรรผลงานการผลิตจากแต่ละหมู่บ้าน แต่ละศิลปิน ใน47 จังหวัดของญี่ปุ่น มาขายไว้ในร้าน

Address: 2 Chome-21-1 Shibuya, Tokyo 150-8510
Hours: everyday 10 am - 9 pm
Closest Station: Shibuya

Syuro

ในช่วง3-4 ปีนี้ (คือราวๆปี 2012 เรื่อยมา) เรามีความชื่นชอบโตเกียวในฝั่ง East side มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ในฝั่งนี้จะมีแม่น้ำสุมีดะ เป็นฝั่งของ Tokyo sky tree ที่ฝั่งอีสต์ไซน์นี้เป็นเหมือนแหล่งรวมร้านและโรงงานขนาดย่อมๆ ของเหล่าอาร์ตทิสต์ ร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร มีความ Local หลังๆ มีโฮสเทลเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

อย่างในย่าน Kuramae เป็นย่านนึงที่เราชอบมาก บรรยากาศซอกซอยจะเงียบๆ แต่ก่อน
ไดกังยามะสำหรับเราก็คล้ายๆ แบบนี้ ก่อนจะพลุกพล่านแต่ก็ยังมีเสน่ห์แบบไดคังยามะ ฝั่งนั้นจะดูวุ่ยรุ่นกว่า ส่วนซอกซอยร้านค้าในย่านนี้สุขุม ถ่อมตัว และปล่อยให้เราได้ใช้เวลาละเลียดได้มากกว่า ร้านเล็กๆ แต่ไม่คับแคบเกินไป บางร้านให้เราได้แอบส่องดูช่างฝีมือกำลังเย็บหนัง ตอกหมุด วาดแพทเทิร์นกันอยู่หลังร้าน

Syuro เป็นร้าน Select Shop ในแบบที่เราชอบ เรียกว่าถูกนิสัยกันมาก ข้าวของในนี้ล้วนแต่น่าหยิบจับมาใช้ เป็นของแต่งบ้าน และของที่อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา มีข้าวของแฟชั่นอยู่บ้าง อย่างกระเป๋าหรือเครื่องประดับ ขนมปัง หรือแยมก็ยังมี ส่วนใหญ่ของที่วางขายอยู่ในร้านจะมาจากอาร์ตทิสต์ต่างๆ
ความกระจุกกระจิกแบบวางตัวสงบของบรรยากาศร้าน ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความตั้งอกตั้งใจผลิตสินค้าจากศิลปินผู้ผลิตทั้งหลายที่นำของมาวางขายที่ Syuro และไม่ว่าเราจะได้อะไรติดมือออกมาจากที่ร้านหรือไม่ อย่างนึงที่เราจะได้รับแน่ๆ คือแรงบันดาลใจในการที่เราจะทำอะไรด้วยความรักต่อไปอย่างไม่มีวันหยุดค่ะ

Address:1 Chome-16-5 Torigoe, Taitō-ku, Tōkyō 111-0054
Hours: monday - saturday noon - 7 pm close on sunday
Closest Station: Kuramae