FOR HAPPY MOM AND COOL KIDS
cloud-floating

แต่ไหนแต่ไรมาการแต่งหน้าของเราจะประกอบไปด้วยทากันแดด รองพื้น และตามด้วยแป้ง
เติมนั่นนิดนี่หน่อยประมาณนี้ บางทีก็หักรองพื้นออกเหลือแค่แป้งแข็งผสมรองพื้นไปเลย
เราไม่ได้เป็นคนแต่งหน้าแน่นจัด แต่จัดว่าเป็นคนชอบซื้อเครื่องสำอาง ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมค่ะ 🙂
ชอบอ่านรีวิวด้วยสนุกดี อ่านแล้วอันไหนดูเข้าท่าเข้าหน้าก็จะลองใช้ดู

จนเมื่อสัก 3 ปีก่อน เริ่มรู้จักคุชชันสไตล์สาวเกาหลี
คือเวลาเราดูซีรีส์หรือตามแมกกาซีนเราจะรู้สึกว่าผิวหน้าของสาวเกาฯ มีความเฉพาะมาก
คือมันจะดูวาวๆ ไม่ได้ดูหน้ามัน ดูหน้าวาวๆ ฉ่ำๆ พอนึกออกใช่ไหมคะ
แล้วน้องสาวผู้เป็นแอร์โฮสเตสที่รักในเครื่องสำอาง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารการทดลองนู้นนี่กันเป็นประจำ
(แต่ก่อนที่ยังไม่มีกรุ๊ปในเฟซบุ๊กหรือกรุ๊ปไลน์ เรามีห้องเว็บบอร์ดเกี่ยวกับเครื่องสำอางเป็นกรุ๊ปปิด
ไว้แลกเปลี่ยนเมาส์มอยเรื่องเครื่องสำอางผิวพรรณกันสนุกสนานด้วยค่ะ 🙂

ตอนจะไปเที่ยวเกาหลีคราวนั้นน้องแนะนำว่าตอนนี้แป้งยี่ห้อ IOPE กำลังฮิต
เลยลองเสิร์ชดูก็งุนงงมาก ว่ามันคือแป้งหรือรองพื้นหรืออะไรกันแน่ แต่ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน
ไปเกาหลีปุ๊บเลยจัดมาให้หายข้องใจ ลองใช้แล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนะคะ ทาลงไปหน้าฉ่ำวาวดี
แต่เอ๊ะต้องลงแป้งซ้ำไหม หรือเท่านี้พอแล้ว คือตอนนั้นตามแบรนด์ดังต่างๆ
ยังไม่ได้ออกคุชชันกันมาแบบนี้ มีแค่เครื่องสำอางของเกาหลีนิดหน่อยที่เริ่มโปรโมตออกมา
แต่รวมๆ ทาแล้วชอบใจ ลงแป้งตามบ้างไม่ลงแป้งตามบ้างแล้วแต่ค่ะ

ครั้นพอความนิยมของคุชชันมากขึ้นๆ เห็นได้จากหลายๆ แบรนด์เริ่มทยอยทำออกมาแข่งกัน
ก็ค่อยรู้จักมากขึ้นว่าคุชชันมันทำหน้าที่แบบรองพื้นหรือ BB นี่แหละ
แต่เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาต่อมาอีกที อย่างแต่ก่อนเราก็จะมีแค่รองพื้นที่เป็นน้ำ
มีคอนซีลเลอร์ที่อยู่ในกลุ่มปกปิดให้ผิวหน้า ต่อมาก็มี BB ที่เป็นเนื้อครีมเบาๆ
ถัดมาก็ถึงเวลาของคุชชันที่ไม่เป็นทั้งน้ำและครีม แต่เป็นคุชชันรูปแบบของฟองน้ำที่บรรจุในตลับ
และต้องใช้พัฟฟ์แบบเฉพาะ (Air Puff) เพราะถูกออกแบบมาให้ดูดซับตัวคุชชัน
ให้พอดิบพอดีไม่มากเกินไปเวลาทา

คุชชันจะมีความเบาๆ ไม่หนักหน้า ระหว่างวันไม่เยิ้ม ที่ชอบคือเราเป็นคนผิวหน้ามัน
จะใช้เครื่องสำอางอะไรจะกังวลเป็นพิเศษ แล้วไม่ชอบเติมเครื่องสำอางบ่อยๆ
ซึ่งคุชชันตอบโจทย์นี้ บางวันไม่ได้เติมหน้าเลย ก็รู้สึกโอเคหน้าไม่มันเยิ้ม
นอกจากไปงานจริงๆ ก็จะลงแป้งหรือซับๆ ด้วยคุชชันอีกสักหน่อย

และจากการเข้าสู่วงการคุชชัน เราก็ทดลองหลายยี่ห้อเรื่อยมา แต่ละยี่ห้อมีจุดดีจุดเด่นต่างกันนั่นนิดนี่หน่อย
เหล่าน้ีคือที่ลองมาแล้วชอบในตลอด 3-4 ปี คือไม่ได้จัดอันดับความชอบอันไหนเป็นที่สุด
คือดีเท่าๆ กันสำหรับเรา ถ้าอันหนึ่งหมดแล้วจะไปซื้อต่อ แล้วที่เคาน์เตอร์ก็ขาดตลาดพอดี
ก็สามารถเดินไปเคาน์เตอร์เครื่องสำอางยี่ห้อถัดไปแล้วซื้อมาใช้ต่อได้เลย
แต่ถ้าถามว่ามีแอบเอนเอียงให้ใครนิดๆ แบบจะเดินไปเคาน์เตอร์แรกที่คุชชันหมด อันนั้นมีค่ะ
ทั้งนี้อยากให้คุณแม่ๆ ได้ลองใช้เพื่อหาความลงตัวสำหรับผิวหน้าตัวเอง
เพราะแต่ละคนมีความต้องการ มีสภาพผิวต่างกัน แต่เชื่อว่าถ้าเราเจออันที่ถูกใจ
จะเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มรอยยิ้มได้ไม่น้อยเชียวค่ะ

IOPE
ขอแนะนำในฐานะเป็นคุชชันตัวแรกที่เราใช้ ใช้มาอยู่หลายตลับจนถึงได้ลองยี่ห้ออื่นๆ บ้าง
ข้อดีของ IOPE คือฉ่ำวาวสมความเกาหลีจริงๆ ตอนใช้แรกๆ เราไม่ได้ลงแป้งทับด้วย
คือด้วยความยังไม่รู้ว่าจะเอาไงแน่กับเธอ คือรองพื้นไหม หรือเธอคือแป้งผสมรองพื้น
หรือจะเอาไงกับหน้าฉันดี ถามคนที่เคยใช้ก็งุนๆ งงๆ พอกัน เลยวัดจากตัวเองก่อน
คือพอทาลงไปแล้วก็ไม่รู้สึกว่าหน้ามันแบบเหนอะๆ จนต้องลงแป้งทับ แล้วมันก็ดูเนียนดีนะ
ปกปิดไม่หนานัก ตอนนั้นเลยไม่ได้ทาแป้งฝุ่นทับ
ตอนหลังมาเริ่มรู้จักคุชชันแล้วก็ทาแป้งบ้างบางวันแล้วแต่
ใน 1 กล่องเวลาซื้อจะมีรีฟิลมาให้ด้วยอีก 1 ตลับ แล้วเฉดสีของ IOPE จะขาวกว่าสีผิวเรานิดนึง
ทาได้ไม่ถึงกับหน้าลอยค่ะ ข้อเสียที่เจอคือพัฟฟ์ขาดยุ่ยไวกว่าคุชชันจะหมดตลับ

Sulwhasoo
อีกหนึ่งแบรนด์คุชชันสัญชาติเกาฯ ราคาแพงกว่า IOPE ใน 1 กล่องมีรีฟิลให้ 1 อันเช่นกัน
ชอบกลิ่นมากกว่า IOPE หน่อย เวลาทาดูหน้าวาวน้อยกว่า
แต่เฉดสีเวลาทาลงบนผิวหน้ามีความเป็นธรรมชาติกว่า มีความเบาในตัวคุชชัน ปกปิดได้ดีระดับหนึ่งค่ะ

Bobbi Brown
เป็นแบรดน์แรกของคุชชันที่เราลองใช้ข้ามฝั่งมาจากสัญชาติเกาหลีทั้งหลาย
คุชชันตัวนี้มีกันแดดผสมด้วย ซึ่งดีกับสภาพแดดบ้านเรา
หรือแม้แต่ไปต่างประเทศอากาศเย็นก็จริงแต่แดดแรงเบอร์ใหญ่มาก
ไม่กันแดดคือฝ้าที่เคยมีมันกระจายตัวเพิ่มไปอีก ส่วนตัวแล้วแม้จะทากันแดด
แต่ถ้าเครื่องสำอางตัวไหนจะผสมกันแดดด้วยก็ยินดีค่ะ รู้สึกว่าในเรื่องกันแดดนี้น้อยดีกว่ามาก
อีกทั้งคุชชันตัวนี้ยังมีสารบำรุงผิวผสมไปในตัว เวลาทานวลเนียนดี
ทาแล้วหน้าแมตต์นิดๆ มีความวาวบ้างแต่ไม่มากเท่าของแบรนด์เกาหลี เนื้อเบาสบายค่ะ

Chanel
ความคุชชันชาแนลคือหอมมาก รู้สึกกลิ่นถูกใจสบายอารมณ์
สีของคุชชันตอนแรกที่ทารู้สึกขาวสว่าง แต่สักพักจะรู้สึกกลืนกับสีผิวหน้าของเรา
ความต่างของชาแนลกับแบรนด์อื่น คือตรงที่แตะคุชชันในตลับจะเป็นเหมือนผ้าที่มีตารางถี่ๆ
ไม่ได้เป็นลักษณะฟองน้ำเหมือนยี่ห้ออื่น ตัวคุชชันเลยไม่ออกมาเยอะเกินเวลาใช้พัฟฟ์แตะ
ข้อเสียคือไม่มีรีฟิล หมดแล้วต้องจากกันเลย แอบเสียดายตลับเล็กน้อย แล้วรู้สึกว่ามันหมดไวนิดนึงค่ะ

YSL
คุชชันของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ เราได้ลองทั้งสองตัว ตัวแรกจะมีความแมตต์มากกว่า
ตัวสองจะให้เรื่องความวาวฉ่ำ กลิ่นหอมเช่นกัน คือเราจะใส่ใจเรื่องกลิ่นด้วย
ไม่ว่าจะเป็นบำรุงหรือเครื่องสำอาง เพราะรู้สึกว่าของที่มาทาบนหน้าถ้ากลิ่นมันไม่ถูกชะตากัน
จะเหมือนมีอะไรตุ่ยๆ บนใบหน้า แม้คุณภาพจะดีล้ำยังไงก็อาจจะไม่เลือกมาใช้
สำหรับ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ กลิ่นหอมผ่าน ตัวใหม่ทาแล้วเรียบเนียนปกปิดได้ดี
เบาสบายหน้าในมาตรฐานและไม่มันเยิ้มระหว่างวันค่ะ
ข้อเสียเดียวกับชาแนลเลยคือไม่มีรีฟิล ตลับสวยงาม หมดแล้วทิ้งจะรู้สึกกังวลใจเสมอ
ของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ มีขาย Air Puff แยกด้วย แต่เท่าที่ใช้มาจนหมดตลับ พัฟฟ์ที่ให้มาก็ไม่ฉีกขาดก่อนค่ะ